ภารกิจควบคุมอารมณ์และความรู้สึก ช่วยลดพุง ลดอ้วน
เน้นออกกำลังกาย คุมพฤติกรรม ทำร่างกายสุขภาพดี

การลดน้ำหนักจะประสบผลสำเร็จหรือไม่ขึ้นอยู่กับการควบคุมอารมณ์และความรู้สึก ในขณะปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภค และการออกกำลังกาย หากไม่สามารถควบคุมอารมณ์และความรู้สึกได้จะทำให้ ล้มเลิกความคิดในการลดน้ำหนักในที่สุด
หลักในการควบคุมอารมณ์และความรู้สึกขณะลดน้ำหนัก
สิ่งที่สำคัญที่สุด คือต้องควบคุมสิ่งกระตุ้นทั้งจากภายใน และภายนอก โดยพยายามตัดวงจรหรือพฤติกรรมที่ทำให้เกิดความรู้สึกหิว เบื่อหรือท้อแท้ โดยต้องสังเกตเองว่า พฤติกรรมหรือปัจจัยใดเป็นสิ่งที่ทำให้เกิดความรู้สึกหิวหรือไม่สามารถยับยั้งชั่งใจได้
ต้องพยายามหลีกเลี่ยงหรือสะกดใจตัวเองให้มากขึ้น ถ้าเรารับประทานอาหารมากขณะไปงานเลี้ยง เราต้องหลีกเลี่ยงการไปงานเลี้ยงหรือสะกดใจไม่ให้รับประทานอาหารในปริมาณมากให้ได้

ฝึกการหายใจเพื่อคลายเครียด ดีกว่ากินเกินเพราะเครียด
ตามปกติคนทั่วไปจะหายใจตื้นๆ ทำให้ออกซิเจนไปเลี้ยงร่างกายน้อยกว่าที่ควร ยิ่งเมื่อเกิดอาการเครียด การหายใจก็จะถี่และตื้นกว่าเดิม การฝึกให้หายใจช้าๆ ลึกๆ อย่างถูกวิธี จะทำให้หัวใจเต้นช้าลง การเผาผลาญอาหารสมบูรณ์ขึ้น ความดันโลหิตลดลง สมองแจ่มใส ความเครียดลดลง และอารมณ์ดีขึ้น
วิธีการฝึก
นั่งในท่าที่สบาย หลับตา ค่อยๆ หายใจเข้า พร้อมกับนับเลข 1 ถึง 4 เป็นจังหวะช้าๆ 1...2...3...4... ให้รู้สึกว่าท้องพองออก
กลั้นหายใจเอาไว้สักครู่ นับ 1 ถึง 4 เป็นจังหวะช้าๆ เช่นเดียวกับเมื่อหายใจเข้าค่อยๆ ผ่อนลมหายใจออก โดยนับ 1 ถึง 8 อย่างช้าๆ 1...2...3...4...5...6...7...8 พยายามไล่ลมหายใจออกมาให้หมด สังเกตว่าหน้าท้องแฟบลงทำซ้ำอีกครั้ง โดยหายใจเข้าช้าๆ กลั้นไว้ แล้วหายใจออก โดยช่วงเวลาที่หายใจออกให้นานกว่าช่วงเวลาหายใจเข้า
ข้อแนะนำ
ควรฝึกทุกครั้งที่รู้สึกเครียด รู้สึกหิว รู้สึกไม่สบายใจหรือฝึกทุกครั้งที่นึกได้ ควรทำติดต่อกันประมาณ 4-5 ครั้ง
ทุกครั้งที่หายใจออก ให้รู้สึกได้ว่าผลักดันความเครียดออกมาด้วยจนหมดเหลือไว้แต่ความรู้สึกอิ่ม โล่งสบายเท่านั้น ในแต่ละวัน ควรฝึกหายใจที่ถูกวิธีให้ได้ประมาณ 40 ครั้ง แต่ไม่จำเป็นต้องทำติดต่อในคราวเดียวกัน
เคล็ดลับการควบคุมอารมณ์และความรู้สึก ขณะลดน้ำหนักมีดังนี้
- มีความเชื่อมันต่อการลดน้ำหนัก ด้วยการควบคุมอาหารและการออกกำลังกาย ซึ่งการลดน้ำหนักด้วยวิธีนี้เป็นการลดน้ำหนักที่มีประสิทธิภาพ และมีความปลอดภัยสูง
- หาแรงจูงใจหรือเหตุผลในการลดน้ำหนักและรอบพุงแก่ตัวเองเสมอ และเตือนตัวเองเป็นระยะ
- ตั้งเป้าหมายในการลดน้ำหนัก รวมถึงเป้าหมายในการควบคุมอาหาร และการออกกำลังกายอย่างชัดเจน แต่ต้องมีลักษณะค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป หากทำได้ถึงเป้าหมายก็ค่อยๆ เพิ่มเป้าหมายขึ้นทีละน้อยจนถึงเกณฑ์ที่ตั้งไว้ เพื่อเป็นกำลังใจในการลดน้ำหนัก
- การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคไม่ใช่อดอาหาร สามารถทำได้อย่างต่อเนื่องแต่ในช่วงแรกร่างกายยังปรับตัวไม่ได้อาจรู้สึกหงุดหงิด หรือ หิวแต่ถ้าปฏิบัติอย่างต่อเนื่องอาการเหล่านี้จะหายไปเช่นเดียวกับการออกกำลังกายหากทำต่อเนื่องก็จะเคยชิน
- ให้สะกดใจตัวเอง และระลึกไว้เสมอว่าหากยิ่งบริโภคอาหารมากเท่าใด มื้อต่อไปๆ ไป ก็จะยิ่งหิวมากขึ้น ดังนั้น จึงควรบริโภคอย่างพอดีในทุกๆ มื้อ อย่างดบางมื้อ บริโภคหนักเป็นบางมื้อ
- หากรู้สึกหิว ให้เปลี่ยนอิริยาบถหรือหากิจกรรมอื่นทำแทน เพียง 10 นาทีก็จะหายหิวหากไม่ดีขึ้นให้บริโภคน้ำหรือน้ำซุปเพื่อบรรเทาอาการหิว
- อย่าพยายามอดอาหารเพราะจะทำให้มื้อถัดไปหิวมาก และอาจบริโภคอาหารในปริมาณเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิม
- หลีกเลี่ยงสถานการณ์หรือสิ่งกระตุ้นที่ทำให้ไม่สามารถควบคุมความหิวได้ เช่นการไปงานเลี้ยง การไปร้านอาหารบุฟเฟ่ต์ การไปเดินในซุปเปอร์มาเก็ต หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ ควรมีการวางแผนล่วงหน้า และอย่าเสียดายของเหลือ ควรนึกถึงสุขภาพก่อน
- หาคำพูดและวิธีการในการปฏิเสธอาหารที่ยื่นให้โดยผู้อื่น หรือคะยั้ยคะยอให้บริโภคต่อ เช่น เอาไว้คราวหน้าแล้วกัน หมอสั่งห้ามไว้ แพ้อาหารกลุ่มนี้ เดี๋ยวจะอ้วนหมอจะว่าเอา เป็นต้น
- อธิบายให้ครอบครัว และเพื่อน ทราบถึงความจำเป็นในการลดน้ำหนัก และขอให้บุคคลต่างๆ ช่วยเหลือในการลดน้ำหนักให้ประสบผลสำเร็จ

อัตราการลดน้ำหนัก
การที่น้ำหนักลดลงอย่างช้าๆ นั้นจะเป็นการลดไขมันที่สะสมในร่างกายมากกว่ากล้ามเนื้อและน้ำนั้น หมายถึงการลดน้ำหนักมากๆ ในช่วงเวลาอันสั้นไม่ได้เป็นผลดีต่อสุขภาพและมักจะทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วตามไปด้วย
อัตราการลดน้ำหนักครึ่งกิโลกรัมต่อสัปดาห์ เป็นอัตรการลดน้ำหนักที่เหมาะสมที่สุด
การติดตามและประเมินภารกิจ ปฏิบัติการฝ่าวิกฤต พิชิตอ้วน พิชิตพุง
หากปฏิบัติตนอย่างเหมาะสม น้ำหนักควรลดปริมาณครึ่งกิโกรัมต่อสัปดาห์ หรือเดือนละ 2-4 กิโลกรัม
หากน้ำหนักไม่ลดลงตามเกณฑ์ให้ลดการบริโภคอาหารกลุ่มแป้งไขมันและผลไม้ลง โดยยังคงบริโภคโปรตีน ผัก ให้เพียงพอและออกกำลังกายเพิ่มขึ้น แต่หากน้ำหนักลดมากเกินไปให้ทบทวนดุว่าเราบริโภคอาหารได้อย่างเหมาะสมหรือไม่ หากไม่ได้ให้ปรับสัดส่วนอาหารให้เหมาะสมโดยให้บริโภคแป้ง ผัก ผลไม้ และ เนื้อสัตว์เพิ่มขึ้นได้บ้าง
ควรติดตามน้ำหนักด้วยตนเองทุกสัปดาห์
ผลสำเร็จของปฏิบัติการฝ่าวิกฤต พิชิตอ้วน พิชิตพุง
ผลกระทบจากโรคอ้วน |
น้ำหนักลด (กก.) |
ประโยชน์ของน้ำหนักลด |
อัตราตาย |
10 |
· ลดอัตราตายโดยรวม มากกว่า 20%
· ลดอัตราตายเนื่องจากเบาหวาน มากกว่า 30%
· ลดอัตราตายเนื่องจากมะเร็งมากกว่า 40% |
เบาหวาน |
10 |
· ลดระดับน้ำตาลขณะงดอาหารลงได้ 50% |
ความดันโลหิตสูง |
10 |
· ลดความดันตัวบน (ซิสโตลี) ลง 10 มม.ปรอท
· ลดความดันตัวล่าง (ไดแอสโตลี) ลง 10 มม.ปรอท |
ไขมันในเลือด
|
10 |
· ลดระดับคอเลสเตอรอลรวม 10%
· ลด LDL คอเลสเตอรอล 15%
· เพิ่ม HDL คอเลสเตอรอล 8%
· ลดไตรกลีเซอไรด์ 30% |
ภาวะแทรกซ้อนทางกาย
(physical complications) |
5-10 |
· ลดอาการปวกหลัง และปวดข้อ
· การทำงานของปอดดีขึ้น
· ลดอาการหายใจติดขัด (breathlessness) |
การทำงานของรังไข่ |
น้ำหนักลดลงมากกว่า 5% |
· การทำงานของรังไข่ดีขึ้น โอกาสมีบุตรเพิ่มขึ้น
· ประจำเดือนมาสม่ำเสมอ ดีขึ้น |

ที่มา
ข้อมูลจาก : ปฏิบัติการฝ่าวิกฤตพิชิตอ้วน พิชิตพุง 80 90 รหัสลับอันตราย สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)
ภาพประกอบ : www.thaihealth.or.th